เคล็ดที่ไม่ลับ ปลูกผักหวานป่า ยังไงให้รอด โตเร็วให้มียอดอวบอ้วน
สำหรับวันนี้ เราจะพาทุกท่านไปเรียนรู้เทคนิคเกี่ยวกับเรื่องการ ปลูกผักหวานป่า ยังไงให้รอด โตเร็วให้มียอดอวบอ้วน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจ เคยได้ยินมาว่า ปลูกต้นผักหวานป่าให้รอดนั้นไม่ง่าย แต่ถ้ารอดแล้วก็อยู่ยาวเป็น10 ปีเลยทีเดียว ว่าแล้ว ก็ลองปลูกต้นผักหวานป่าบ้างดีกว่า อยากรู้ว่ามันจะยากเหมือนที่เคยได้ยินมามั้ย
ผักหวานป่า สามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในดินแทบทุกชนิด แต่จะเติบโตได้ดีและเจริญงอกงามเร็วในดินที่มีอินทรียวัตถุตามธรรมชาติ ผักหวานป่าเป็นพืชที่ทนแล้ง ไม่ชอบแดดจัด ไม่ชอบน้ำมาก ชอบที่โล่ง ดินร่วนปนทรายตามธรรมชาติ ผักหวานป่าจะชอบแสงแดดรำไรประมาณ 50 % ชอบร่มไม้ใหญ่ เช่น ต้นมะขามเทศ ต้นสะเดา ต้นตะขบ ต้นแค ผักหวานป่าจะต้องมีม้พี่เลี้ยงให้ร่มเงาไว้ประมาณ 2-3 ปีในช่วงแรก ผักหวานป่าชอบอากาศร้อนช่วงเดือน มีนาคม – เมษายน ผักหวานป่าจะให้ยอดดี แตกยอดมาก เมืองถึงช่วงฤดูฝน (มีฝนตก) ผักหวานป่าจะหมดยอดและเริ่มพักต้นเพื่อสะสมอาหารสร้างการเจริญเติบโตทางลำต้น
การขยายพันธุ์ผักหวานป่า นั้นสามารถทำได้ 4 วิธี ด้วยกันคือ
- การเพาะเมล็ด
- การตอนกิ่ง
- การชำไหล(ราก)
- การสกัดราก
ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป และ การให้ผลผลิตที่ไวแตกต่างกันด้วย สำหรับเกษตรกรที่กำลังคิคจะปลูกผักหวานป่า นั้นก็ต้องศึกษาหาข้อมูลประกอบ ให้ดีก่อนลงมือเพาะปลูก ว่าวิธีไหนเหมาะกับสภาพพื้นที่ของตัวเองมากที่สุด เพื่อลงอัตราการตาย ให้น้อยที่สุดครับ
ขั้นตอนการเพาะเมล็ด
- ลอกเปลือกหุ้มเมล็ดออก เพื่อให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น การลอกเปีอกหุ้มจะต้องล้างออกให้สะอาด เพื่อไม่ให้เกิดการเน่าหรือเกิดเชื้อรา การลอกเปลือกหุ้มทำได้ด้วยการใช้ตะแกรงล้างให้สะอาด
- นำเมล็ดที่ล้างสะอาดมาตากลมให้แห้งก่อนจะนำไปลงดินเพาะ จากนั้นนำเมล็ดไปวางเรียงในถาดเพาะ (ดินที่ใช้ในถาดเพาะต้องเป็นทรายล้วนเท่านั้นเพื่อไม่ให้รากหักหรือ ขาดตอนย้ายลงถุง)
- ใช้ผ้าหนาคุมถาดเพาะไว้เพื่อมีความชื่นอยู่ตลอดเวลา พร้อมรดน้ำให้ชุ่มทุกวันให้ผักหวานงอกเร็วขึ้น จากนั้น 20-30 วันความยาวของรากจะยาวพอที่ย้ายลงถุง หลังจากย้ายลงถุงเรียบร้อยแล้วใช้เวลาอีก 3-4 เดือน จึงจะเริ่มแตกใบอ่อน
เทคนิคปลูกต้นผักหวานป่า มีดังนี้
เลือกใช้ต้น พันธุ์จากการเพาะเมล็ดมาปลูก จะให้ผลผลิตดีและอายุยืนกว่า แบบกิ่งตอน ปลูกพืชพี่เลี้ยงไว้ก่อนที่จะปลูกต้นผักหวานป่า เช่น ต้นมะขามเทศ ชะอม โสน กระถิน ต้นแค ฯลฯ พืชที่กล่าวมานี้จัดเป็นพืชตระกูลถั่วทั้งหมด เลือกปลูกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือจะหลายอย่างก็ได้ สำหรับเราเลือกใช้ต้นแค ซึ่งปลูกไปพร้อม ๆ กับต้นผักหวาน และต้นมะขามเทศ เป็นพืชพี่เลี้ยง
วิธีปลูกผักหวานป่า
- เริ่มจากการขุดหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ระยะห่างของต้น 2×2 เมตร 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 400 ต้น แล้วนำปุ๋ยคอกหรือปุยหมักที่สลายตัวดีแล้ว รองก้นหลุมปริมาณ 5 กิโลกรัม/หลุม และสารปรับสภาพดิน (จากสวน) คลุกเคล้าผสมกับหน้าดินจากนั้นเติมน้ำลงไปให้แฉะทิ้งไว้ 2-3 อาทิตย์ก่อนปลูก
- หลังจากครบกำหนดก่อนจะปลูกต้องงดการให้น้ำต้นกล้า 2 วัน เพื่อเวลาแกะดินจะได้ไม่แตกและรากจะได้ไม่ขาด
- เติมน้ำใส่หลุมที่เตรียมไว้ให้แฉะเพื่อเตรียมปลูก จากนั้นฉีกถุงแล้วนำตันผักหวานลงไปในหลุมที่เตรียม ต้องปลูกให้ต้นกล้าสูงจากปากหลุม 5 เซนติเมตร พูนกลบด้วยหน้าดินเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำขังในหลุมปลูกจากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
- การเลือกพื้นที่ในการปลูกผักหวานป่านั้นจะต้องเลือกที่ที่มีร่มรำไร บริเวณที่ไม่มีน้ำขัง การย้ายต้นกล้า (การปลูก) ควรเลือกทำในช่วงเวลาเย็นหรือไม่มีแสงแดด
การดูแลต้นผักหวานป่า
- ระวังอย่าให้สัตว์เข้าไปเหยียบย่ำและห้ามพรวนดินรอบต้นผักหวานเด็ดขาด เนื่องจากรากผักหวานป่าจะฟูและลอยอยู่หน้าดินหากกระทบมากอาจจะตายได้
- การให้ปุ๋ยควรใส่อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือช่วงก่อนฤดูการเก็บยอด และหลังฤดูการเก็บยอด โดยปุยที่ใส่จะต้องเป็นปุ๋ยขี้วัวที่หมักดีแล้ว (ขี้วัวเก่า) ใส่รอบๆ ห่างจากต้นประมาณ 1 ศอก ห้ามใส่ปุ๋ยเคมีเด็ดขาด
- การกำจัดวัชพืชให้ทำในช่วงฝนตกชุกเท่านั้น เพื่อไม่กระทบกับราก ควรใช้มือหรือเครื่องตัดหญ้า ตัดแล้วเอาไปคลุมโคนต้นผักหวานป่าไว้
- การกำจัดศัตรูพืช เช่น หอยทาก ป้องกันด้วยการใช้ปูนขวโรยรอบแปลงเพาะกล้า ถ้าผักหวานป่ายังอายุน้อยอยู่ไม่ควารเก็บยอด ต้องผักหวานอายุเกิน 2 ปี ก่อนถึงจะสามารถเก็บยอดได้ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดกิ่งเพราะจะทำให้ผักหวานไม่แตกยอด ให้ใช้การหักหรือใช้มีดแทน
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
- ผักหวานป่าจะเริ่มแตกยอดให้เก็บได้เมื่อมีอายุ 3 ปีขึ้นไป แในช่วงแรกจะยังแตกยอดไม่เยอะมากและจะค่อยๆเ ยอะขึ้นตามอายุและขนาดพุ่มของผักหวานป่าที่เพิ่มมากขึ้น
- การเก็บยอดอ่อนผักหวานป่าที่แตกยอดออกมานั้นจะต้องมีความยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร
- การเก็บผลผักหวานป่าเพื่อนำไปเพาะพันธุ์ต่อจะต้องเก็บผลที่สุก (สีเหลือง) แล้วเท่านั้นจะให้ดีก็ต้องให้สุกเต็มที่ก่อนเพื่อเปลือกที่หุ้มเมล็ดอยู่นั้นจะได้หลุดออกง่ายขึ้น
ราคาขายผักหวานจะขึ้นอยู่กับว่าผลผลิตออกมาในช่วงนอกหรือในฤดู ราคาขายส่งในฤดู อยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ขายปลีกกิโลกรัมละ 200 บาท หากขายนอกฤดูราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 50 บาท คือขายส่งอยู่ที่ 200 บาท ต่อกิโลกรัม และขายปลีก 250 บาท ต่อกิโลกรัม โดยการขายส่งจะมีแม่ค้ามารับถึงที่ มีทั้งเจ้าประจำและขาจร เป็นรายได้ที่หาได้ตลอดทั้งปี
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง