แกงสายบัวใส่ปลาทู (ไม่ใส่กะทิ) ทำทานเองได้ง่ายๆ
แกงสายบัวใส่ปลาทู
สวัสดีค่ะวันนี้แอดมีเมนูแซ่บ ๆ มาฝากค่ะ นั่นคือเมนูแกงสายบัวใส่ปลาทู แบบอีสาน ที่มีรสชาติ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ด้วยรสชาติของสมุนไพร และน้ำปลาร้า ที่ทำให้หลายๆ คนติดใจในรสชาติ และแถมยังเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย สายบัวถือเป็นผักหาทานได้ไม่ยาก ยิ่งแถวชนบทด้วยแล้วยิ่งหาทานสายบัวได้ง่าย เพราะเป็นพืชพื้นบ้านดั้งเดิมที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยมาเนิ่นนานนั่นเอง
สรรพคุณและประโยชน์ของสายบัว
ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง (สายบัว) ดอกช่วยแก้ไข้ตัวร้อน (ดอก) ช่วยแก้อาการร้อนใน (ดอก) ก้านบัวสายมีรสจืดและเย็น ช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกาย (ก้านบัว) สายบัวมีเบตาแคโรทีน ซึ่งช่วยป้องกันและต้านโรคมะเร็งในลำไส้ (สายบัว) ก้านดอกและไหลใช้รับประทานได้ โดยนำก้านดอกหรือใบมาลอกผิวหรือเปลือกที่หุ้มอยู่ออก แล้วเด็ดดอกและใบทิ้ง แล้วนำมาใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือ นำไปปรุงเป็นอาหาร เช่น การทำแกง ผัด แกงส้ม แกงกะทิ ฯลฯ
ประโยชน์ของปลาทู
- โปรตีนสูง ในเนื้อของปลาทูนั้น อุดมไปด้วยโปรตีนมากมาย โดยในปลาทู 100 กรัม จะมีโปรตีนอยู่ถึง 24.9 กรัม ซึ่งโปรตีนจากเนื้อปลาทูจะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง และ สุขภาพดี
- ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ในปลาทูนั้นมีไขมันโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 ไอโอดีน และกรดไขมัน DHA ที่ช่วยในเรื่องของความจำ การพัฒนาของระบบประสาทและสมอง และ ช่วยบำรุงสายตา
- ช่วยลดไขมันตัวร้ายในเลือด ปลาทูมีกรดไขมันชนิด PUFA กรดไขมันที่สำคัญ ซึ่งมีอยู่ในปลาทู ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความเสี่ยงโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจ และโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีกรดไขมัน EPA ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วย
- ป้องกันโรคซึมเศร้า ในปลาทูมีไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมัน ที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง หากได้รับน้อยเกินไปอาจเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าหรือโรคสมาธิสั้นได้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในวัยเรียนที่ต้องการสารอาหารที่สำคัญ อาจส่งผลต่อการพัฒนา ทางด้านการอ่านการเขียน ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆได้ ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่มีโอเมก้าสูงๆ อย่างเช่นปลาทู ให้พอเหมาะสมกับปริมาณ ที่ร่างกายต้องการ
- มีวิตามินที่หลากหลาย นอกจากปลาทูจะมีโปรตีนสูงแล้ว ยังเต็มไปด้วยวิตามินต่างๆ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 บี 2 กรดไขมันจำเป็น ไนอะซิน ถึงแม้จะมีปริมาณอย่างละนิดแต่ก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่ ช่วยบำรุงประสาทและสมอง และยังช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ในปลาทูมี แคลเซียมและฟอสฟอรัส สารอาหารที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน
เราจะเห็นได้ว่าทั้งในสายบัว และปลาทูนั้นมีประโยชน์มากมาย ถ้าเช่นนั้นเราก็มาลงมือทำและเตรียมวัตถุดิบเมนู แกงสายบัวใส่ปลาทู กันค่ะ
วัตถุดิบแกงสายบัวใส่ปลาทู
- สายบัวปลอกเปลือกแล้ว หั่นเป็นท่อนๆ
- ปลาทูนึ่ง ( แกะก้างแล้ว )
- มะขามเปียก , น้ำมะขามเปียก 1 ก้อน
- น้ำสะอาด
- น้ำปลาร้า
- น้ำปลา
- ผงชูรส
- พริกขี้หนู
- หัวหอมแดง
- ต้นหอม
- ใบแมงลัก
วิธีการทำ
- เริ่มจาก ล้างสายบัวให้สะอาด แล้วพักไว้ก่อน
- แกะก้างปลาทู เรียบร้อยเสร็จแล้วพักไว้ *** ถ้าไม่แกะก้างปลาทู ก็ได้ สามารถใส่ได้ทั้งตัวได้เลย ***
- จากนั้นโขลกพริก กับ หัวหอมแดง แค่พอแหลก พักไว้
- ล้างต้นหอม ให้สะอาด ตัดรากออก แล้วหั่นเป็นท่อน พักไว้
- จากนั้นก็ล้างใบแมงลัก แล้วเด็ดใบให้เรียบร้อย เสร็จแล้วพักไว้
- จากนั้น นำหม้อตั้งไฟกลางๆ ใส่น้ำสะอาดลงไป รอให้น้ำเดือดแล้วจึงใส่พริกแกงลงไป
- เสร็จแล้วตามด้วยสายบัวที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปในหม้อรอให้สายบัวสุกและยุบตัวลง
- แล้วจึงปรุงรสชาติด้วย น้ำปลาร้า น้ำปลา มะขามเปียก หรือ น้ำมะขามเปียก ผงชูรส คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติ
- จากนั้นจึงใส่ปลาทูตามลงไป รอให้เดือนประมาณ 3 นาที ให้ปลาทูสุก
- เสร็จแล้ว จึงใส่ต้นหอมหั่นท่อน และ ใบแมงลัก ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ
- ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน จะเป็นข้าวสวย หรือ ข้าวเหนียวตามสะดวกเลยจ้า
ข้อมูลอ้างอิง : medthai
เรียบเรียง : นงนุช
บทความที่เกี่ยวข้อง